ราคาหมูวันนี้ไม่ได้มีแรงจูงใจให้คนเลี้ยงหมู
น่าจะเป็นเรื่องดีที่ไม่เกิดปฏิกริยากระตุ้นให้คนแห่มาเลี้ยงมากขึ้น ผลดีที่จะเกิดคือราคาจะมีความเสถียรดี ช่วงจังหวะอย่างนี้ ผู้เลี้ยงต้องทำการปรับปรุงและพัฒนาสายพันธุ์ การจัดการ และต้องทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด เช่นต้นทุนลูกหมูหย่านมต้องไม่เกิน 400 บาท อนุบาล ตัวละ 700บาท ขุนตัวละ 3500บาท รวมเป็น4600บาท เมื่อขายหมูขุนได้6000บาท จะทำให้มีเงินเหลือประมาณตัวละ 1400บาท หากเลี้ยง 10ตัว ก็จะมีเงินเหลือ 14000 บาท ในปีหนึ่งเลี้ยงเพียง 2 รุ่น ก็จะมีเงินเหลือ 28000 บาท
ในทางกลับกัน อาจจะมีความคิดว่าหากเลี้ยงมากขึ้นก็จะได้มากขึ้น โดยมากจะพบว่าจะไม่สามารถจัดการได้
จึงอยากขอให้ลองนำไปปรับใช้ดูและขอให้ประสบผลสำเร็จ
สวนเกษตรผสมผสานและปศุสัตว์ เน้นจัดการแบบเกื้อกูลกัน ทั้งพืชและสัตว์ เน้นการผลิตอาหารปลอดภัย ด้านพืช ผลิตข้าวอินทรีย์ ผักปลอดสาร ด้านสัตว์ ผลิตและจำหน่าย สุกรสายพันธุ์ จากกรมปศุสัตว์ สายพันธุ์ปากช่อง
วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
การเลี้ยงหมู สู้วิกฤติของชาวบ้าน
เมื่อชาวบ้านจะเลี้ยงหมูจะเลี้ยงอย่างไรให้มีกำไร? ในเมื่อการเลี้ยงแบบชาวบ้านจะถูก แรงบีบรอบด้าน เช่น
๑ พันธุ์หมู ต้องซื้อแพง
๒ อาหาร แพงกว่า เกือบ 30%
๓ การจัดการเรื่องโรค ยา ยังแย่
๔ การจำหน่าย ราคายังถูก กดไว้ ต่ำๆ
เป็น ๔ ปัญหาหลัก ของรายย่อย ระดับชาวบ้าน
การแก้โจทย์ ของชาวบ้าน แก้ได้โดย
๑ ผลิตพันธุ์หมูเองให้ได้ (ต้องเป็นหมูที่กินน้อยกว่า ภาคอุตสาหกรรม 30 %)
๒ ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น มาประกอบเป็นอาหารให้หมูกิน มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
๓ ต้องจัดการ เรื่องโรค ให้ได้ มีระบบการป้องกัน ที่ดี
๔ ทำตลาดเอง คือ มีการทำเขียง หรือขายในงานบุญประเพณี
หากสามารถทำได้ การเลี้ยงหมูของชาวบ้าน ก็จะประสบผลสำเร็จ
๑ พันธุ์หมู ต้องซื้อแพง
๒ อาหาร แพงกว่า เกือบ 30%
๓ การจัดการเรื่องโรค ยา ยังแย่
๔ การจำหน่าย ราคายังถูก กดไว้ ต่ำๆ
เป็น ๔ ปัญหาหลัก ของรายย่อย ระดับชาวบ้าน
การแก้โจทย์ ของชาวบ้าน แก้ได้โดย
๑ ผลิตพันธุ์หมูเองให้ได้ (ต้องเป็นหมูที่กินน้อยกว่า ภาคอุตสาหกรรม 30 %)
๒ ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่น มาประกอบเป็นอาหารให้หมูกิน มากที่สุด เท่าที่จะทำได้
๓ ต้องจัดการ เรื่องโรค ให้ได้ มีระบบการป้องกัน ที่ดี
๔ ทำตลาดเอง คือ มีการทำเขียง หรือขายในงานบุญประเพณี
หากสามารถทำได้ การเลี้ยงหมูของชาวบ้าน ก็จะประสบผลสำเร็จ
การตรวขสุกรท้องด้วยมือ
การตรวจโดยการล้วงผ่านทางทวารหนัก การล้วงทางทวารหนัก สามารถสัมผัสตรวจสอบขนาดของรังไข่ รวมทั้งขนาดและจำนวนของกระเปาะไข่ และคอร์ปัสลูเทียมได้ด้วย แต่ต้องใช้ความชำนาญอย่างสูง และอาจกระทบกระเทือนต่อการตั้งท้องได้ แต่การล้วงคลำคอมดลูก ซึ่งจะนิ่มกว่าปกติ หรือสัมผัสเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงมดลูก ทำได้สะดวกและง่ายกว่ามาก เมื่อสุกรตั้งท้อง เส้นเลือดที่มาเลี้ยงมดลูก (Uterine Artery) ที่เดิมมีขนาด 1 - 3 มม. จะขยายใหญ่ขึ้นเป็น 5 - 8 มม. เมื่อตั้งท้อง 35 วันขึ้นไป และเนื่องจากสุกรท้องมีเลือดมาเลี้ยงปริมาณมาก จึงเต้นแรงมากกว่าปกติ โดยเฉพาะบริเวณที่ เส้นเลือดนี้มาตัดกับเส้นเลือด External iliac Artery จะชัดเจนมาก วิธีนี้มีความแม่นยำ สูงถึง 97 %
ปากช่อง 4
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)